บรรดาศิษย์สายกรรมฐานส่วนใหญ่มักจะคุ้นชื่อและได้ยินกิตติศัพท์ของ หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม เป็นอย่างดี ท่านมีปฏิปทาที่แปลก น้ำใจเด็ดเดี่ยว โผงผาง ตรงไปตรงมา มีแง่มุมต่างๆที่ครูบาอาจารย์มักจะกล่าวถึงเสมอๆ และเล่าถ่ายทอดต่อกันมาครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นที่น่าสนใจของผู้เล่าและผู้ฟังเป็นอย่างยิ่ง
จัดได้ว่าหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม เป็นพระป่าที่ดังมากองค์หนึ่งในบรรดาศิษย์รุ่นแรกๆ ของ หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโ
หลวงปู่ตื้อ เป็นศิษย์องค์หนึ่งที่ออกธุดงค์ติดตามหลวงปู่มั่นไปหลายปี ในแถบป่าเขาทั้งทางภาคอีสานและภาคเหนือ
ท่านเป็นศิษย์องค์หนึ่งที่หลวงปู่มั่นไว้วางใจ และมักพูดกับสานุศิษย์ทั้งหลายว่า “ใครอย่าไปดูถูกท่านตื้อนะ ท่านตื้อเป็นพระเถระ”
บรรดาศิษย์รุ่นหลังรู้จักหลวงปู่ตื้อดี เพราท่านเป็นสหธรรมิกกับหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่
หลวงปู่ตื้อ กับ หลวงปู่แหวน มักจะเดินธุดงค์ไปด้วยกันส่วนใหญ่ ทั้งๆ ที่อุปนิสัยของหลวงปู่สององค์นี้ผิดกันไกล แต่ท่านก็ไปด้วยกันได้เป็นอย่างดี
หลวงปู่ตื้อ หลวงปู่แหวน และหลวงปู่ขาว อนาลโย ท่านสนิทสนมกันมากที่สุด นี่ว่ากันตามคำบอกเล่าของครูบาอาจารย์ท่านว่าไว้อย่างนั้น
จุดเด่นที่ทำให้หลวงปู่ตื้อ เป็นที่กล่าวขวัญกันมากคืออุปนิสัยขวานผ่าซากในวาจา ท่านมีนิสัยโผงผางไม่กลัวใคร มีเทศนาโวหารที่ไม่เคยไว้หน้าใคร ไม่ว่าคนมั่งมี หรือยาจก ท่านใช้คำพุดเหมือนกันหมดพูดตรงๆ ไม่ต้องเสกสรรปั้นแต่ง
ท่านบอกว่า ท่านเทศน์ตามความจริง ไม่ได้เทศน์เพื่อเอาสตางค์หรือเทศน์เพื่อเอาใจใคร
ญาติโยมบางท่านบอกว่า หลวงปู่ตื้อ เทศน์หยาบคาย รับไม่ได้ก็มี
มีเรื่องเล่าว่า ครั้งหนึ่ง หลวงปู่ กำลังแสดงธรรมเทศนาอยู่ ท่านเทศน์ผ่านเครื่องขยายเสียง มีญาติโยมบางกลุ่มคุยจ้อกแจ้กแข่งกับการเทศน์ของท่าน ในขณะที่ท่านหลับตาเทศนาอยู่ท่านได้หยุดเทศน์ฉับพลัน แล้วพูดผ่านไมโครโฟนเสียงดังว่า
“เอ้า! หลวงตาตื้อเทศน์ให้ฟัง พวกสูบ่ฟัง เอ้า! ฟังตดซะ“
แล้วก็มีเสียงประหลาดดังผ่านลำโพงมาสองสามชุด ทุกคนเงียบกริบ โยมคนหนึ่งตั้งสติได้ก่อนเพื่อน จึงพูดเสียงดังว่า “ขอให้หลวงตามีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์”
แล้วโยมคนอื่นๆ ก็ยกมือ และกล่าวพร้อมกันว่า ”สาธุ!”
ในการเทศน์อีกครั้งหนึ่ง ได้มีพระภิกษุหนุ่ม เป็นมหาเปรียญและได้รับการศึกษาที่ทันสมัย ตามมาฟังเทศน์ด้วย ในระหว่างที่หลวงปู่ตื้อขึ้นเทศน์ พระภิกษุหนุ่มเหล่านั้นซุบซิบกันพอได้ยินในกลุ่มไม่สามารถได้ยินไปถึงหลวงปู่ได้อย่างแน่นอน
บรรดาพระหนุ่มซุบซิบกันว่า หลวงปู่ตื้อ ไม่พัฒนา เทศน์โบราณมีแต่ของเก่าๆ ไม่ทันยุคทันสมัยเลย
หลวงปู่ท่านหยุดเทศน์ เดินตรงไปยังพระรูปนั้นท่ามกลางความงุนงงของบรรดาญาติโยม ท่านนิมนต์พระภิกษุหนุ่มรูปนั้นขึ้นเทศน์แล้วท่านก็พูดเสียงดังชัดเจนว่า “เอ้า! หลวงตาจะคอยฟังคุณเหลน คุณมหา ขอให้เทศน์เอาแต่ของใหม่ๆนะ”
พระมหาหนุ่มรูปนั้นก็เดินขึ้นธรรมาสน์ด้วยความมั่นใจ คงคิดที่จะเทศนาธรรมแบบใหม่ตามยุคสมัย ตามแบบพระผู้มีปริญญามหาเปรียญ
เมื่อพระมหาหนุ่มขึ้นต้นว่า “นะโม...” เท่านั้น หลวงปู่ตื้อท่านก็บอกให้หยุดเทศน์
“หยุด หยุด คุณเหลน หยุด ไม่เอา-ไม่เอา นะโมมันของเก่ามีมามากกว่าสองพันปีแล้วคุณเหลน...”
ญาติโยมทั้งศาลาหัวเราะกันฮาครืน!
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่วัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ได้รับนิมนต์ขึ้นเทศน์ในการจัดอบรมกรรมฐานให้แก่พระและญาติโยม มีผู้สนใจใคร่ธรรมมาเข้าร่วมอย่างเนืองแน่น
ในวันนั้น หลวงปู่ ท่านแสดงธรรมได้อย่างจับใจได้อรรถรสในเบื้องต้น ท่ามกลาง และปริโยสาน อะไรเป็นธรรม เป็นวินัย เป็นตัวทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ตลอดจนวิธีดับทุกข์ อะไรที่ควรมั่น อะไรที่ควรปลง ควรปล่อยวาง ไม่ควรยึดมั่นว่าเป็นของกู
ว่ากันว่า หลวงปู่ตื้อ ได้แสดงธรรมให้สาธุชนที่อยู่ ณ ที่นั้นตรองตามแล้วเห็นจริงได้ เสมือนหงายสิ่งที่คว่ำ เสมือนจุดประทีปโคมไฟในที่มืด เสมือนชี้ทางให้กับผู้ที่หลงทาง...
อุบาสกอุบาสิกาที่ได้สดับเทศนาของหลวงปู่ตื้อในครั้งนั้นแล้ว ต่างก็รู้สึกปิติ อิ่มเอมในบุญ รู้สึกปลอดโปร่ง เบากายเบาใจ ต่างก็รู้สึกว่ากายในจิตได้ปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่นแล้ว
พอหลวงปู่เทศน์จบลง ท่านว่า “เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้” แล้วญาติโยม “สาธุ” เสียงดังสนั่นน่าอนุโมทนายิ่ง
สุดจะเก็บความปีติไว้ได้ มีอุบาสิกาท่านหนึ่งแหวกผู้คนเข้ามาข้างหน้าสุด ใกล้กับหลวงปู่ที่สุด แล้วรายงานผลว่า
“หลวงปู่เจ้าคะ ดิฉันได้ฟังหลวงปู่เทศน์แล้วรู้สึกเบากายเบาใจ ดิฉันปล่อยวางได้หมดเลยเจ้าคะ”
หลวงปู่กล่าวด้วยเมตตา “อนุโมทนาด้วยคุณโยมที่ได้ดวงตาเห็นธรรม”
“จริงๆ นะคะหลวงปู่...เดี๋ยวนี้ดิฉันไม่ยึดมั่นถือมั่นอีกต่อไปแล้ว ปล่อยวางได้หมดเลยเจ้าค่ะ...”
“...อีตอแหล...” ไม่มีใครคาดคิดว่าหลวงปู่จะอนุโมทนาด้วยการหักมุมเช่นนั้น
“ว้าย! ตายแล้ว ทำไมหลวงปู่จึงมาด่าอีฉัน!” แล้วรับผลุนผลันลุกหนีด้วยความโกรธอย่างเป็นฟืนเป็นไฟบ่งบอกลักษณะของคน “ปล่อยวาง” ได้อย่างประจักษ์
หลวงปู่ ได้แต่หัวเราะหึ...หึ ในลำคอ ขณะเดียวกันบนศาลา การเปรียญก็เงียบกริบ ตามด้วยเสียงซุบซิบ
หลวงปู่ตื้อ ท่านคุ้นเคยกับ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร) แห่งวัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน เวลาเข้ากรุงเทพฯ หลวงปู่จึงมาแวะพักที่วัดแห่งนี้เสมอ
ท่านสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กล่าวถึงหลวงปู่ตื้อ ว่า “หลวงปู่ตื้อนี้ ท่านไม่กลัวใคร ไม่ว่าสมเด็จฯ หรือแม้แต่ท่านอาจารย์มั่น ท่านก็ไม่กลัว ท่านจัดเป็นพระที่ว่าดื้อเลยทีเดียว”
เรื่องที่หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโมชอบทำอะไรแปลกๆผิดไปจากสมณะรูปอื่นนี้ หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร ได้เล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า
“พระอรหันต์นั้น เปลี่ยนวาสนาเดิมไม่ได้ นอกจากพระพุทธเจ้าเท่านั้น จึงจะเปลี่ยนวาสนาเดิมได้ แม้แต่พระสารีบุตรท่านก็ยังเดินเหินไม่เรียบร้อย กระโดกกระเดก”(เพราะในอดีตชาติ พระสารีบุตรเคยเป็นลิงป่ามาก่อน บุคลิกลักษณะเดิม หรือที่พระท่านเรียกว่า วาสนาเดิมจึงยังติดตัวอยู่ ละได้ไม่หมด)
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
#ที่มา
- หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม พระอรหันต์ผู้มีฤทธิ์ในยุคปัจจุบัน
- หลวงปู่ตื้อ กับ หลวงปู่จาม โดย พระครูสังฆวิสุทธิ์ (พระธมฺมธโร ครูบาแจ๋ว)
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
จัดได้ว่าหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม เป็นพระป่าที่ดังมากองค์หนึ่งในบรรดาศิษย์รุ่นแรกๆ ของ หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโ
หลวงปู่ตื้อ เป็นศิษย์องค์หนึ่งที่ออกธุดงค์ติดตามหลวงปู่มั่นไปหลายปี ในแถบป่าเขาทั้งทางภาคอีสานและภาคเหนือ
ท่านเป็นศิษย์องค์หนึ่งที่หลวงปู่มั่นไว้วางใจ และมักพูดกับสานุศิษย์ทั้งหลายว่า “ใครอย่าไปดูถูกท่านตื้อนะ ท่านตื้อเป็นพระเถระ”
บรรดาศิษย์รุ่นหลังรู้จักหลวงปู่ตื้อดี เพราท่านเป็นสหธรรมิกกับหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่
หลวงปู่ตื้อ กับ หลวงปู่แหวน มักจะเดินธุดงค์ไปด้วยกันส่วนใหญ่ ทั้งๆ ที่อุปนิสัยของหลวงปู่สององค์นี้ผิดกันไกล แต่ท่านก็ไปด้วยกันได้เป็นอย่างดี
หลวงปู่ตื้อ หลวงปู่แหวน และหลวงปู่ขาว อนาลโย ท่านสนิทสนมกันมากที่สุด นี่ว่ากันตามคำบอกเล่าของครูบาอาจารย์ท่านว่าไว้อย่างนั้น
จุดเด่นที่ทำให้หลวงปู่ตื้อ เป็นที่กล่าวขวัญกันมากคืออุปนิสัยขวานผ่าซากในวาจา ท่านมีนิสัยโผงผางไม่กลัวใคร มีเทศนาโวหารที่ไม่เคยไว้หน้าใคร ไม่ว่าคนมั่งมี หรือยาจก ท่านใช้คำพุดเหมือนกันหมดพูดตรงๆ ไม่ต้องเสกสรรปั้นแต่ง
ท่านบอกว่า ท่านเทศน์ตามความจริง ไม่ได้เทศน์เพื่อเอาสตางค์หรือเทศน์เพื่อเอาใจใคร
ญาติโยมบางท่านบอกว่า หลวงปู่ตื้อ เทศน์หยาบคาย รับไม่ได้ก็มี
มีเรื่องเล่าว่า ครั้งหนึ่ง หลวงปู่ กำลังแสดงธรรมเทศนาอยู่ ท่านเทศน์ผ่านเครื่องขยายเสียง มีญาติโยมบางกลุ่มคุยจ้อกแจ้กแข่งกับการเทศน์ของท่าน ในขณะที่ท่านหลับตาเทศนาอยู่ท่านได้หยุดเทศน์ฉับพลัน แล้วพูดผ่านไมโครโฟนเสียงดังว่า
“เอ้า! หลวงตาตื้อเทศน์ให้ฟัง พวกสูบ่ฟัง เอ้า! ฟังตดซะ“
แล้วก็มีเสียงประหลาดดังผ่านลำโพงมาสองสามชุด ทุกคนเงียบกริบ โยมคนหนึ่งตั้งสติได้ก่อนเพื่อน จึงพูดเสียงดังว่า “ขอให้หลวงตามีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์”
แล้วโยมคนอื่นๆ ก็ยกมือ และกล่าวพร้อมกันว่า ”สาธุ!”
ในการเทศน์อีกครั้งหนึ่ง ได้มีพระภิกษุหนุ่ม เป็นมหาเปรียญและได้รับการศึกษาที่ทันสมัย ตามมาฟังเทศน์ด้วย ในระหว่างที่หลวงปู่ตื้อขึ้นเทศน์ พระภิกษุหนุ่มเหล่านั้นซุบซิบกันพอได้ยินในกลุ่มไม่สามารถได้ยินไปถึงหลวงปู่ได้อย่างแน่นอน
บรรดาพระหนุ่มซุบซิบกันว่า หลวงปู่ตื้อ ไม่พัฒนา เทศน์โบราณมีแต่ของเก่าๆ ไม่ทันยุคทันสมัยเลย
หลวงปู่ท่านหยุดเทศน์ เดินตรงไปยังพระรูปนั้นท่ามกลางความงุนงงของบรรดาญาติโยม ท่านนิมนต์พระภิกษุหนุ่มรูปนั้นขึ้นเทศน์แล้วท่านก็พูดเสียงดังชัดเจนว่า “เอ้า! หลวงตาจะคอยฟังคุณเหลน คุณมหา ขอให้เทศน์เอาแต่ของใหม่ๆนะ”
พระมหาหนุ่มรูปนั้นก็เดินขึ้นธรรมาสน์ด้วยความมั่นใจ คงคิดที่จะเทศนาธรรมแบบใหม่ตามยุคสมัย ตามแบบพระผู้มีปริญญามหาเปรียญ
เมื่อพระมหาหนุ่มขึ้นต้นว่า “นะโม...” เท่านั้น หลวงปู่ตื้อท่านก็บอกให้หยุดเทศน์
“หยุด หยุด คุณเหลน หยุด ไม่เอา-ไม่เอา นะโมมันของเก่ามีมามากกว่าสองพันปีแล้วคุณเหลน...”
ญาติโยมทั้งศาลาหัวเราะกันฮาครืน!
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่วัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ได้รับนิมนต์ขึ้นเทศน์ในการจัดอบรมกรรมฐานให้แก่พระและญาติโยม มีผู้สนใจใคร่ธรรมมาเข้าร่วมอย่างเนืองแน่น
ในวันนั้น หลวงปู่ ท่านแสดงธรรมได้อย่างจับใจได้อรรถรสในเบื้องต้น ท่ามกลาง และปริโยสาน อะไรเป็นธรรม เป็นวินัย เป็นตัวทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ตลอดจนวิธีดับทุกข์ อะไรที่ควรมั่น อะไรที่ควรปลง ควรปล่อยวาง ไม่ควรยึดมั่นว่าเป็นของกู
ว่ากันว่า หลวงปู่ตื้อ ได้แสดงธรรมให้สาธุชนที่อยู่ ณ ที่นั้นตรองตามแล้วเห็นจริงได้ เสมือนหงายสิ่งที่คว่ำ เสมือนจุดประทีปโคมไฟในที่มืด เสมือนชี้ทางให้กับผู้ที่หลงทาง...
อุบาสกอุบาสิกาที่ได้สดับเทศนาของหลวงปู่ตื้อในครั้งนั้นแล้ว ต่างก็รู้สึกปิติ อิ่มเอมในบุญ รู้สึกปลอดโปร่ง เบากายเบาใจ ต่างก็รู้สึกว่ากายในจิตได้ปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่นแล้ว
พอหลวงปู่เทศน์จบลง ท่านว่า “เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้” แล้วญาติโยม “สาธุ” เสียงดังสนั่นน่าอนุโมทนายิ่ง
สุดจะเก็บความปีติไว้ได้ มีอุบาสิกาท่านหนึ่งแหวกผู้คนเข้ามาข้างหน้าสุด ใกล้กับหลวงปู่ที่สุด แล้วรายงานผลว่า
“หลวงปู่เจ้าคะ ดิฉันได้ฟังหลวงปู่เทศน์แล้วรู้สึกเบากายเบาใจ ดิฉันปล่อยวางได้หมดเลยเจ้าคะ”
หลวงปู่กล่าวด้วยเมตตา “อนุโมทนาด้วยคุณโยมที่ได้ดวงตาเห็นธรรม”
“จริงๆ นะคะหลวงปู่...เดี๋ยวนี้ดิฉันไม่ยึดมั่นถือมั่นอีกต่อไปแล้ว ปล่อยวางได้หมดเลยเจ้าค่ะ...”
“...อีตอแหล...” ไม่มีใครคาดคิดว่าหลวงปู่จะอนุโมทนาด้วยการหักมุมเช่นนั้น
“ว้าย! ตายแล้ว ทำไมหลวงปู่จึงมาด่าอีฉัน!” แล้วรับผลุนผลันลุกหนีด้วยความโกรธอย่างเป็นฟืนเป็นไฟบ่งบอกลักษณะของคน “ปล่อยวาง” ได้อย่างประจักษ์
หลวงปู่ ได้แต่หัวเราะหึ...หึ ในลำคอ ขณะเดียวกันบนศาลา การเปรียญก็เงียบกริบ ตามด้วยเสียงซุบซิบ
หลวงปู่ตื้อ ท่านคุ้นเคยกับ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร) แห่งวัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน เวลาเข้ากรุงเทพฯ หลวงปู่จึงมาแวะพักที่วัดแห่งนี้เสมอ
ท่านสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กล่าวถึงหลวงปู่ตื้อ ว่า “หลวงปู่ตื้อนี้ ท่านไม่กลัวใคร ไม่ว่าสมเด็จฯ หรือแม้แต่ท่านอาจารย์มั่น ท่านก็ไม่กลัว ท่านจัดเป็นพระที่ว่าดื้อเลยทีเดียว”
เรื่องที่หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโมชอบทำอะไรแปลกๆผิดไปจากสมณะรูปอื่นนี้ หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร ได้เล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า
“พระอรหันต์นั้น เปลี่ยนวาสนาเดิมไม่ได้ นอกจากพระพุทธเจ้าเท่านั้น จึงจะเปลี่ยนวาสนาเดิมได้ แม้แต่พระสารีบุตรท่านก็ยังเดินเหินไม่เรียบร้อย กระโดกกระเดก”(เพราะในอดีตชาติ พระสารีบุตรเคยเป็นลิงป่ามาก่อน บุคลิกลักษณะเดิม หรือที่พระท่านเรียกว่า วาสนาเดิมจึงยังติดตัวอยู่ ละได้ไม่หมด)
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
#ที่มา
- หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม พระอรหันต์ผู้มีฤทธิ์ในยุคปัจจุบัน
- หลวงปู่ตื้อ กับ หลวงปู่จาม โดย พระครูสังฆวิสุทธิ์ (พระธมฺมธโร ครูบาแจ๋ว)
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::