วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

คู่ซี๊ 2499 นักเลงก่อนปี 2500



นักเลงตัวจริงกลัวสองคนในชีวิต คือแม่และเมีย
เมืองไทยในยุคก่อนเข้าสู่ปี 2500 เต็มไปด้วยนักเลง
เรื่องราวของพวกเขาถูกสร้างเป็นหนังเรื่องอันธพาล
หนังเล่าเรื่องสองนักเลงคือ จ๊อด และ แดง เป็นคู่หู
ที่เติบโตขึ้นมาเป็นนักเลงแถวหน้า บริเวณตรอกสลักหิน
ย่านหัวลำโพงจนถึงย่านเยาวราช เรียกได้ว่ามาเฟีย
ในเมืองไทยเกิดขึ้นและเติบโตในย่านนี้ เป็นแหล่งรวม
บ่อนการพนัน ค้าผู้หญิงและยาเสพติด

ช่วงหนึ่งมีหนังเรื่อง 2499 อันธพาลครองเมือง
ออกมาฉายติดๆ กันอยู่ระยะหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่หนังจะเล่าเรื่อง
ของ..

การเปลี่ยนผ่านมือของประมุขของกลุ่มมาเฟีย ที่เต็ม
ไปด้วยการหักหลังกันเอง ในขณะเดียวกันความเชื่อใจ
กันและกันจึงเป็นสิ่งมีค่าที่สุดสำหรับนักเลงตัวจริง
จนกระทั่งบ้านเมืองเข้าสู่การปฏิวัติรัฐประหารโดย
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อำนาจจึงตกอยู่ในมือของตำรวจ
คำว่าอันธพาลจึงตกไปอยู่ในมือของตำรวจในที่สุด

ตั้งแต่นั้นมา ธุรกิจ การพนัน ค้าผู้หญิงและยาเสพติด
จึงถูกผ่องถ่ายมาถึงปัจจุบัน หลังจาก จ๊อด นักเลงตัวจริง
คนสุดท้ายได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยและอันธพาล
ในยุคสมัยนั้นถูกกำจัดสิ้นซากโดยผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

ทุกวันนี้เราจึงเหลือแต่ นักเลงตัวเหี้ย”  หรือ “อันธพาล”
ที่ไม่เคารพใคร หาใช่วิสัยนักเลงไม่

สุริยัน ศักดิ์ไธสง อดีตนักเลงผู้เป็นนักเล่าเรื่อง



สุริยัน ศักดิ์ไธสง นักเขียนที่มีผลงาน เส้นทางมาเฟีย ที่ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์เรื่อง 2499 อันธพาลครองเมือง


ประวัติ

สุริยัน ศักดิ์ไธสง หรือ "เปี๊ยก วิสุทธิ์กษัตริย์" มีชื่อจริงว่า ถาวร ภู่ประเสริฐเกิดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2481 ที่ กรุงเทพมหานคร

เคยศึกษาอยู่โรงเรียนช่างกลปทุมวัน ผู้เขียนต้นฉบับภาพยนตร์เรื่อง 2499 อันธพาลครองเมือง โดยพื้นเพเป็นคนบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี มารดาเสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก และบิดาชื่อ "นายผาด" หลังจากนายผาดพ้นโทษจากเรือนจำบางขวางแล้ว สุริยัน ศักดิ์ไธสง หรือ "เปี๊ยก" จึงได้ย้ายจากนนทบุรีมาอยู่กับบิดาที่บ้านพานถม วิสุทธิ์กษัตริย์ และได้เข้าเรียนที่โรงเรียนวัดบวรนิเวศ ระหว่างที่กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนช่างกลปทุมวัน บิดาของเขาได้ออกบวชที่วัดปรินายก เขาจึงพักอาศัยอยู่กับบิดานับแต่นั้นมา ที่คณะ 3 ของวัด กลุ่มเพื่อนในระแวกนั้นที่เติบโตมาพร้อมๆ กับเขามี "แดง ไบเล่" "ปุ๊ ระเบิดขวด" "ดำ เอสโซ่" "แหลมสิงห์" "พล ตรอกทวาย" "พัน หลังวัง" "จบ หลังวัง" "เก๊าตี๋" 



เมื่อการเรียนไม่สามารถตอบโจทย์ของชีวิตเขาได้ จึงเบนเข็มทิศชีวิตด้วยปณิธานของตน "จะเอาดีในหนทางชั่ว" หลังถูกไล่ออกจากโรงเรียนแล้ว ก็พบเจอกับเรื่องราวหลากหลายในชีวิต และเมื่อ พ.ศ.2500 เกิดการปฏิวัตรัฐประหารจากจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ กลุ่มบุคคลเช่นพวกเขา ก็ถูกทางการหมายหัวไปตามๆกัน จากรายชื่อประกาศจับจากประกาศจากคณะปฏิวัติ 2 ฉบับ ข้อหาบุคคลกระทำตัวเป็นนักเลงอันธพาล ก็ต่างแยกย้ายกระจัดกระจายไปยังจังหวัดต่างๆ อาทิเช่น "นิตย์ บางลำภู" "ล้อ วงเวียน22" "ชัยโพธิ์สามต้น" "ขาว เฉลิมเขตร" "ยูร อินทรี" "สุมาอี้" "เก๊าตี๋" "โอเหล่" "แอ๊ด เสือเผ่น"

หลังจากร่วมทำธุรกิจเถื่อนกับหมู่เชียร(อดีตตำรวจรถถัง) ที่นิวแลนด์ อู่ตะเภาได้ไม่นาน หมู่เชียรก็ถูกฝ่ายตรงข้ามยิงเสียชีวิต หลังจากงานศพ ทั้งเขาและแดงกับกลุ่มเพื่อนๆ ก็ถูก"ผู้ใหญ่เต็ก" นายทุนใหญ่จากแดนใต้ชักชวนเขามาทำธุรกิจเถื่อนกันอีกครั้ง
ชลบุรีขณะนั้นมีเหตุอาชญากรรมเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง จึงถูกเจ้าหน้าที่บ้านเมืองกวาดล้างอีกครั้ง และจำต้องแยกย้ายเปลี่ยนที่อยู่อาศัยกันอีก เขาเลือกที่จะกลับไปเยี่ยมหลวงพ่อผู้เป็นบิดาที่วัดปรินายก และถูกเจ้าหน้าทีตำรวจจับกุม

ขณะที่เขาถูกจำคุกอยู่ที่เรือนจำลาดยาวนั้น ก็ได้พบปะเพื่อนฝูงหรือพี่ในวงการนักเลงไม่น้อย (ส่วนหนึ่งจากหนังสือขังเดียวและเส้นทางมาเฟียเขียนโดยสุริยัน ศักดิ์ไธสง)

สุริยัน ศักดิ์ไธสง เสียชีวิตลงด้วยโรคตับแข็งและมะเร็งร่วมด้วย เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2547 ที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จังหวัดนนทบุรี ทำพิธีทางศาสนาที่ วัดบางเลนเจริญ จังหวัดนนทบุรี

เขามีบุตรชาย 1 กำเนิดจากภรรยาที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันหลังจากออกจากเรือนจำ มีชื่อจริงว่า "ปิติพงศ์ ภู่ประเสริฐ"
ผลงานเขียน

สุริยัน เริ่มต้นเขียนหนังสือจากการรับจ้างเขียนจดหมายโต้ตอบให้ชาวคุกทางไปรษณีย์ หลังจากที่พ้นโทษแล้วก็ได้ ราช เลอสรวง และ เสถียร จันทิมาธร ช่วยเหลือให้สร้างผลงาน

เส้นทางมาเฟีย
เหล็กหุ้มใจ
หัวใจหุ้มเหล็ก
อนุทินนิรนาม
บันทึกเลือดจากลาดยาว
ขังเดี่ยว
บันทึกเถื่อน
ล่าทรชน
มือปืน
เจ้าพ่อ
ปล้นสะท้านเมือง
เจ้าพ่อไบคาน
นักฆ่าหน้าหยก โอวตี่ แซ่โค้ว
ตำนานโจรปล้นเมือง
ถนนสีดำ (เป็นผลงานการเขียน ชิ้นสุดท้ายของท่าน)

อยากเป็นนักสะสมพระเครื่อง..ก่อนเข้าวงการต้องรู้อะไร



               “พระเครื่อง” คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่โบราณท่านสร้างไว้เป็นเครื่องบูชาเตือนสติให้ทำความดี นอกจากนี้ยังช่วยเหลือสนับสนุนผู้ที่บูชาให้พ้นเคราะห์กรรม หากเคราะห์ร้ายก็เบาบางลงไปอีกด้วยในยุคปัจจุบันถึงแม้จะมีเทคโนโลยีมากมายแต่ก็ยังมีศรัทธาที่มีต่อพระเครื่องอยู่ยั้งยืนยง และยังคงต่อเนื่องมิขาดสาย พระเครื่องอันทรงพุทธคุณก็ได้รับความสนใจจากบุคคลต่างๆ ทุกสาขาอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนต่างประเทศก็ตามที

            ทำให้วงการพระเครื่องเกิดการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง จนถือได้ว่าวงการนี้เป็น “ธุรกิจ” อย่างหนึ่งไปแล้ว นักสะสมพระเครื่องหน้าใหม่เข้าสู่วงการพระเครื่องกันอย่างคึกคัก ผู้ที่เริ่มหัดสะสมพระเครื่องเหล่านี้มักจะเริ่มจากการที่มีความศรัทธาในพระพุทธคุณเป็นเบื้องต้นก่อน นอกจากนี้ก็คงจะได้เจอกับปาฏิหาริย์ในวัตถุมงคลต่างๆ กันมา และหลายท่านเป็นผู้มีบุญบารมี พอมาเริ่มสะสมพระเครื่องวัตถุมงคลก็จะได้พระแท้มาโดยง่ายดาย แต่บางคนไม่ใช่อย่างนั้น ซื้อของปลอมของเก๊กันมาแทบจะยกกระบุง ขาดทุนกับเงินหลายหมื่น หลายแสน บางคนถึงหลักล้านก็มี จนทำให้นักสะสมหน้าใหม่บางคนถึงกับถอดใจเลิกสนใจพระเครื่องไปเลยก็มี

            วงการพระเครื่องนี้เป็นธุรกิจอย่างหนึ่ง...ก็ต้องตอบว่าใช่ และยังเป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยความสามารถเฉพาะตัว และไหวพริบของตนเองเป็นสำคัญอีกด้วย

            ดังนั้น เมื่อคิดที่จะเข้าสู่วงการพระเครื่อง เป็นนักสะสมระดับเซียน ก็ต้องเล่นให้ถูกทิศทางของวงการ คือเล่นพระเครื่องที่ “วงการพระเครื่องยอมรับ” ไม่ใช่นึกจะสะสมพระเครื่องอะไรก็สะสมไม่สนใจกระแสโลก ถ้าเราไม่สนจวงการ หรือ เล่นพระเครื่องก็ตามใจตัวเพียงคนเดียว วงการพระเครื่องก็จะไม่สนใจเรา และปล่อยให้เราเล่นของเราคนเดียว จะรู้ได้อย่างไรว่าพระเครื่องรุ่นไหน แบบไหน ลักษณะใด ที่วงการยอมรับ ก็ต้องบอกว่า “เรียนรู้”  “หาประสบการณ์” “ ติดตามผู้รู้จริง”  ทั้งสามประการนี้เป็นเพียงพื้นฐานที่ต้องมี ละให้ความสำคัญ อย่าเรียนลัดไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จได้เลย พื้นฐานทั้งสามข้อข้างต้นนั่นล่ะครับจะทำให้นักสะสมพระเครื่องหน้าใหม่ไม่ถูกหลอก และเติบโตเป็นมืออาชีพในวงการได้ในอนาคตต่อไป โชคดีครับ


เทคนิคเบื้องต้น "เรียนรู้"..ดูพระเก๊ พระแท้..ต้องทำอย่างไร



กว่าที่คนๆ หนึ่งจะเชี่ยวชาญ หรือที่เรียกว่าขึ้นชั้นเซียนพระ ตาเทพระดับแนวหน้าได้ เรื่องแบบนี้นี้ต้องใช้เวลานะ และเวลาที่ต้องใช้ของแต่ละคนก็ไม่เท่ากันเสียด้วยสิ แต่ถ้าอยากจะรู้ว่าตัวเองเข้าขั้นเซียนพระแล้วหรือยัง อย่างนี้ต้องลองบินเดี่ยวดู คือลองเช่าพระด้วยการตัดสินใจด้วยตัวเอง ถ้าเช่าได้แท้บ่อยๆ ก็แสดงว่าฝีมือพัฒนาได้ดี มีโอกาสเริ่มจะเป็นเซียนน้อยๆ แล้ว แต่อย่างไรก็ตามอย่าทะนงตัวเองว่าเก่งเป็นหนึ่งในตองอูล่ะ ระวังจะพลาดเข้าสักวัน...แล้วน้ำตาจะเช็ดหัวเข่า

หากลองท่องโลกวงการพระทดลองเช่าพระเครื่องด้วยตัวเอง ตัดสินใจด้วยตา ด้วยใจตัวเอง แล้วเมื่อนำตรวจอย่างละเอียดกับรุ่นใหญ่ตาดี แล้วพบว่าเก๊เกิน 3 องค์ล่ะก็ ทบทวนการฝึกฝนใหม่หมดเลย ต้องมีอะไรผิดทางผิดวิธีแล้ว คือต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ ที่สำคัญต้องใจเย็นๆ ให้ย้อนกลับไปศึกษาใหม่อีกที แล้วลงมือปฏิบัติอย่างจริงๆ จังๆ ใหม่อีกครั้ง คนเราพลาดกันได้  แต่อย่าพลาดบ่อยก็แล้วกัน

ส่วนกลวิธีง่ายๆ ที่จัดว่าเป็นพื้นฐานอย่างที่สุดในการดูพระเครื่องว่าเก๊หรือแท้ อันนี้เป็นเคล็ดลับที่ง่ายดายที่สุดเป็นพื้นฐานเริ่มต้นควรลองทำดู นั่นก็คือนำรูปพระ หรือองค์พระที่แท้ หรือที่คิดว่าแท้พิมพ์เดียวกันมาวางเรียงกันอย่างน้อย 3 องค์ แล้วนำรูปพระเก๊ หรือที่เราคิดว่าเก๊ มาวางเปรียบเทียบกันแล้วพิจารณาดู ถ้าของเราแตกต่างชัดจากทั้ง 3 รูป ที่หามาวางเปรียบเทียบล่ะก็ ไม่ต้องสันนิษฐาน หรือเคลือบแคลงใจอะไร ฟันธงสถานเดียวของเราเก๊แน่นอน

  ช่วงแรกๆ ก็จะดูไม่ค่อยออกว่าเหมือนหรือแตกต่างกันยังไง แต่พอชั่วโมงบินสูงขึ้น ประสบการณ์มากขึ้นเราก็จะเริ่มสังเกตเห็นเองหละ วิธีนี้เขาเรียกว่าวิธีการดูพระแบบธรรมชาติ พอตา จำแนกออกทีนี้ก็เริ่มสบายแล้วล่ะ พื้นฐานเบื้องต้นนี้ผู้เขียนทำตามคำแนะนำขอรุ่นใหญ่ใจดีที่แนะนำช่วงเข้าวงการใหม่ๆ ลองเอาไปใช้เป็นพื้นฐานการเรียนรู้ดูครับ



“พระเครื่อง” แบ่งการสะสม ได้กี่ประเภท อะไรบ้าง



พระเครื่องนั้น จริงๆ แล้วในวงการเองก็แบ่งการสะสมกันได้หลายประเภท ตามแต่จะเรียกกัน แต่ถ้าเอาแบบที่เป็นมาตรฐานเรียกกันเป็นศัพท์เฉพาะและเป็นที่ยอมรับของวงการนักสะสมพระเครื่องไปแล้ว คงแบ่งได้ หลักใหญ่ๆ ตามประเภทของการสะสม  3 กลุ่มดังนี้

1)      การสะสมพระกรุ
นักนิยมพระประเภทพระกรุนี้ส่วนใหญ่จะมีความประทับใจทางศิลปะโบราณคดี  มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ พวกเขาจะชอบการได้เรียนรู้รับรู้ความเป็นไปในอดีตของประวัติศาสตร์ของสังคมในแต่ละยุค ชื่นชอบในความเก่าแก่ มีอายุเป็นร้อยเป็นพันปี นิยมเสาะแสวหาสะสมเฉกเช่นเดียวกับนักสะสมของเก่าโบราณ นักนิยมพระกรุพระเก่ามักคิดว่าน้อยคนนักที่จะมีวาสนาที่จะได้ครอบครองของโบราณวัตถุเหล่านี้ ตัวอย่างพระกรุเช่น พระนางพญา กรุวัดนางพญา พระรอดลำพูน พระกำแพงเม็ดขนุน พระกรุเมืองนคร พระนางตรา พระท่าเรือ เป็นต้น

2)      การสะสมพระเกจิ
นักสะสมกลุ่มนี้จะนิยมพระเครื่องที่มีเกจิอาจารย์ผู้ทรงวัตรปฎิบัติเป็นผู้ปลุกเสกพุทธคุณสร้าง ยิ่งเกจิมีบุญฤทธิ์มากเท่าใดก็ยิ่งทำให้มั่นใจในพุทธคุณของพระเครื่องนั้นๆ ตามลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราทันเห็นองค์ผู้สร้าง หรือสามารถที่จะสืบเสาะหาข้อมูล และประวัติของคณาจารย์นั้นๆ ก็จะยิ่งเชื่อถือได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้ยังสามารถศึกษาถึงวัตถุมงคลที่จัดสร้างขึ้นว่ามีอะไรบ้าง มีจำนวนเท่าไหร่ และของแท้ดูกันอย่างไร ตัวอย่างของพระเกจิเช่น,หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ นครสวรรค์, พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน นครศรีธรรมราช หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ ระยอง เป็นต้น

3)      กระสะสมทั้งพระเกจิ และพระกรุ
กลุ่มนักสะสมประเภทนี้คือนักสะสมประเภท ขึ้นชื่อพระเครื่องชอบหมด ลักษณะการสะสมประเภทนี้เรียกได้ว่าไม่ว่าจะเป็นพระกรุโบราณ หรือพระเกจิใหม่ๆ ก็ตาม ในวงการพระเครื่องนั้นไม่ว่าจะพระกรุหรือพระเกจิก็ตาม พระที่แท้และดูง่ายนั้นหายากมาก ถ้าจะรอเล่นแต่พระเกจิ หรือพระกรุแต่เพียงอย่างเดียว  บางทีอาจจะไม่ได้พระสักองค์ ดังนั้นเมื่อรักจะสะสมก็ต้องเล่นให้มันครบเครื่องทั้งพระกรุ และพระเกจิ นอกจากนี้บางท่านยังเสริมด้วยเครื่องรางของขลัง ดังนั้นนักเล่นพระส่วนมากมักจะเล่นพระเครื่องกันแบบนี้ แต่ก็หนักไปตามความชอบของแต่ละคน คือ สะสมทั้ง 2 อย่างแต่อาจจะหนักไปทางพระเกจิ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเซียนเฉพาะทางอีกด้วย เช่น บางคนเก่งพระผง บางคนเก่งพระเนื้อดิน บางคนเก่งเหรียญ เป็นต้น

              แต่ไม่ว่าจะนิยมสะสมอะไร ประเภทไหน แบบไหน สิ่งที่สำคัญที่สุดของนักสะสมก็คือ เราจะต้องสะสม “เป็น”   เราจะต้อง  “รู้” ว่าศาสตร์ของการสะสมคืออะไรร่วมด้วย

คือรู้ว่าตำหนิ หลักเกณฑ์ รายละเอียด การดูการวิเคราะห์ พระเครื่องแท้ หรือปลอมอย่างไร สามารถตอบคำถามตัวเองได้ว่า “ทำไมพระองค์นี้ถึงแท้”  “ทำไมพระองค์นี้ถึงปลอม” ต้องรู้ตำหนิ รายละเอียดปลีกย่อยที่จะบ่งบอกเอกลักษณ์ของความแท้ได้ชัดเจน และแม่นยำ

หากเราสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้แล้วละก็..เราก็จะอยู่ในวงการพระเครื่องได้อย่างสบายใจ และยาวนาน จนกลายเป็นเซียนพระไปโดยไม่รู้ตัว


วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

20 ข้อควรมีสำหรับนักสะสมพระเครื่อง..มือใหม่


20 ข้อควรมีสำหรับนักสะสมพระเครื่อง..มือใหม่
เริ่มต้นสะสมพระเครื่อง..ต้องรู้ และต้องปฏิบัติอย่างไร
ในวงการพระเครื่องบ้านเรานั้น เรียกได้ว่าเป็นวงการที่รวมเอาสิงห์เหนือ เสือใต้เอาไว้มากมาย มีทั้งคนดีและคนไม่ดี มีทั้งคนจริงใจ และคนเจ้าเล่ห์ปนเปรวมตัวกันอยู่ในวงการ ดังนั้นคนที่เดินเข้าสู่วงการเล่นพระเครื่องใหม่ ๆ หากเข้ามาโดยไม่มีรุ่นใหญ่สอนสั่ง แนะนำ ชี้ทาง โอกาสเจ็บตัว เจ็บใจ กลืนเลือดในอก ต้องเจอแน่ ทั้งหมดที่ผู้เขียนรวบรวมทั้งหมดนี้ก็มาจากการศึกษา เรียนรู้ รวบรวมจากคำสอน คำแนะนำ คำชี้ทางรุ่นใหญ่ รุ่นเก่า ครูบาอาจารย์ ที่ผ่านชีวิตผ่านทางเข้ามา เท่าที่ผู้เขียนพอจะนึกออกและเชื่อว่าน่าจะครอบคลุมให้รุ่นใหม่ที่กำลังเข้าสู่วงการนำไปเป็นหลักยึดวางกรอบการเดินให้ถูกทิศถูกทาง ไม่สะดุดอะไรบางอย่างจนต้องหลบออกจากวงการไปเสียก่อน หลักใหญ่ๆ ดังนี้...นะ

1. ต้องมีกล้องส่องชั้นดี 

หากเปรียบเทียบว่านักสะสมพระเครื่องเป็นช่าง กล้องส่องพระก็คือเครื่องมือช่างนั่นเอง ยิ่งเครื่องมือดีมีคุณภาพมากเท่าไรมันก็ยิ่งจะช่วยส่งเสริมการทำงานให้ดีได้มากขึ้นเท่านั้น การเรียนรู้เกี่ยวกับพระเครื่อง หัวใจสำคัญคือการส่อง การสัมผัสดูด้วยตา เป็นเรื่องสำคัญ ถ้ากล้องไม่คมชัด ภาพที่โฟกัสก็เห็นของแท้ยาก

2. ต้องมีครูดี  

ไม่มีใครรู้ดีไปหมดเสียทุกเรื่อง หรือเก่งมาเลยตั้งแต่ออกมาจากท้องแม่ ครูบาอาจารย์ที่เก่งๆ ล้วนผ่านครูบาอาจารย์ดีๆ มาล้วนแล้วทั้งนั้น ทุกคนทุกอาชีพ ทุกวงการ ล้วนต่างก็ต้องผ่านการฝึกฝนจากคนที่เรียกว่า “ครู” ด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้นนักสะสมพระเครื่องหน้าใหม่จำเป็นที่สุด ขอเน้นคำว่าจำเป็นที่สุกครับ ถ้ารักจะเป็นมืออาชีพ และเติบโตในวงการพระเครื่องนี้สืบไปในภายภาคหน้าอย่างมั่นคง จะต้องมีครูที่ดี เพื่อสั่งสอนให้เราเชี่ยวชาญให้การดูพระในสายนั้นๆ


3. มีความเพียร ความพยายาม และความอดทนสูงมาก 

อย่างที่บอกว่าวงการนี้ล้วนมากหน้ามากใจจากเซียน เทพ เสือสิงห์ ดีเลวปะปนกัน นักสะสมพระเครื่องหน้าใหม่ อาจพบเจอเรื่องราวที่ทำให้เจ็บลึกในหัวอกลูกผู้ชาย ไม่ว่าจะเรื่องอะไร หากเราเข้าใจได้ว่านั่นคือ ครูผู้ให้บทเรียน และทำใจให้ได้ ประกอบกับการใช้ความเพียรพยายาม และความอดทน ก็จะสามารถไต่เต้าทำตัวเองให้มีความรู้มากขึ้น...บางคนโดนเยาะเย้ยถากถางก็ถึงกับถอดใจ แต่บางคนกลับเอาคำพูดดูหมิ่นนั้นมาสร้างพลังให้กับตัวเอง ลองคิดดูสิว่า แล้วทำอย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จในวงการพระเครื่อง นักเล่นพระหน้าใหม่จำเป็นเหลือเกินที่จะต้องมีความเพียรพยายามและความอดทนให้มากถึงมากที่สุด

4. สัจจะลูกผู้ชาย

เป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับคนที่อยากเข้ามาอยู่ในวงการพระเครื่องเพราะหากไม่มีสัจจะแล้วล่ะก็...มักจะอยู่ไม่ได้นาน คือหลอกใครเขาได้แค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น ทีนี้ชื่อเสียงก็จะเสียหาย และเลยเถิดไปถึงไม่มีใครอยากจะมาเล่นหาคบค้าสมาคมกับคนคดในข้องอในกระดูกด้วย สัจจะวาจาก็เป็นสิ่งสำคัญพูดอะไรออกไปก็ต้องรักษาคำพูดด้วยไม่ใช่วันนี้พูดอย่างพรุ่งนี้พูดอีกอย่าง...อย่างนี้เรียกได้ว่าเป็นนักเลงพระที่ไร้สัจจะ วงการนี้ไม่ได้กว้างมากเกินกว่าเรื่องเหล่านี้จะไม่ถึงหูกัน ใช้สัญชาติญาณความเป็นนักเลงจริง ก็มีที่ยืนในวงการนี้ได้ไม่ยาก

5.ลำดับเรื่องการเรียนรู้ให้ดี 

จัดหมวด หมู่ หลัก ย่อย ให้ชัดเจน  พระกรุ พระเกจิ พิมพ์ เนื้อ ศึกษาทีละอย่าง อย่ามั่ว เอาที่เราชอบก่อนก็ได้ จำเอาไว้ว่าเล่นพระต้องเล่นให้รู้แจ้งชัดเจนเป็นชนิดๆไป ไม่ใช่อยากเป็นโน่น อยากเป็นนี่ จนตัวเองสับสนไปหมดนักเล่นใหม่ๆ มักจะกังวลว่าจะรู้น้อยกว่าคนอื่นๆ ก็แน่ละเราเพิ่งเล่นนี่จะให้เก่งในวันนี้เมื่อก่อนเขาก็ไม่ได้เก่งมาจากไหน ค่อยๆเรียนรู้กันไปอย่างหักดิบ อย่าเร่ง  ดังนั้น เมื่อเล่นพระจะต้องรู้เรื่องพระเป็นชนิดๆ ประเภทๆ ไป  ต่อๆ มาเมื่อเรามีชั่วโมงบินมากขึ้นความรู้ความสามารถในการดูพระชนิดอื่นๆก็จะตามมาเองเพราะส่วนใหญ่แล้วพระหลายๆชนิดก็จะมีหลักการพิจารณาคล้ายๆ กัน เรียงลำดับการเรียนรู้ดี มีหลักยึดการจัดลำดับความสำคัญ เดี๋ยวความชำนาญจะพาเราเก่งขึ้นเอง ศาสตร์แขนงนี้ไม่มีทางลัด

6. เสาะหาโอกาสส่องของแท้บ่อยๆ 

นักสะสมหน้าใหม่ส่วนมากเลยมักจะทุนน้อยสายป่านไม่ยาว จะเช่าหลักหมื่น หลักแสน ก็กลัวไปหมด ระยะแรกๆเลยจำเป็นต้องตีตั๋วฟรีไปก่อน ดูในหนังสือบ้าง เว็บไซต์พระเครื่องทั่วๆไปบ้าง ขอเซียนพระดูบ้าง สมัยนี้ยังดีนะไม่เหมือนสมัยก่อนกว่าจะได้ดูแต่ละองค์นี่แทบจะคุกเข่าอ้อนวอนกันเลยทีเดียว แต่เดี๋ยวนี้มีหนังสือตีพิมพ์แพร่หลาย แต่ก็หาที่มีมาตรฐานหน่อยก็แล้วกัน แต่อย่างไรก็ไม่สมบูรณ์เพราะรูปภาพในหนังสือไม่มีมิติความลึก และคำนวณขนาดที่แท้จริงไม่ค่อยได้ เพราะฉะนั้นถ้าจะให้ดีก็ต้องขอดูพระฟรีตามงานประกวดพระ ที่เขาตัดสินแล้วโชว์ หรือเดินตามตู้โชว์พระถ้ามีทุนพอค่อยเช่ามาส่องดูให้รู้แน่แท้ไปเลย เช่าแล้วก็ต้องถามให้คุ้ม อยากรู้อะไรก็ถามคนที่เราเช่าบูชาเขามาก็จะเป็นการดี

7. ส่องพระด้วยตาและหัวใจ ไม่ใช่หู 

เข้าใจคำว่าส่องพระด้วยตาและหัวใจไหม ความหมายก็คือใช้ตาดูใช้ปัญญาวิเคราะห์ ไม่ใช่ใช้หูฟัง คือต้องเชื่อสายตาตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก ถ้าไม่แน่ใจแล้วค่อยหาตัวช่วย เพราะบางคนตาจ้องพระ แต่หูกระดิกคอยฟังเสียงว่าคนอื่นโฆษณาว่าอย่างไร อย่างนี้โดนหลอกแน่นอน เพราะ เอาเป็นว่ามือใหม่หัดเล่นพระควรตั้งสติดีๆ แล้วใช้ตาดู ไม่ต้องใช้หูฟัง สตางค์ที่มีในกระเป๋าจะได้จ่ายอย่างคุ้มค่าที่สุด

8. หมั่นทำความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติของพระประเภทต่างๆ 

พระเครื่องแต่ละองค์ต่างก็มีธรรมชาติของเนื้อพระแตกต่างกันไป เช่น ธรรมชาติของโลหะ สภาพของพระเนื้อดิน ลักษณะพระเนื้อผง กรรมวิธีการสร้าง เช่น การหล่อ หรือปั๊ม เรื่องนี้ต้องศึกษากันแบบจริงๆจังๆ ไม่ใช่เรียนรู้ไปแบบผ่านๆ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญในการตัดสินความแท้-เก๊ของพระได้

9. รู้อะไรให้รู้จริงและชัดเจน  

หรือจะเรียกง่ายๆ ว่าต้องเก่งถึงขั้นนั่นแหละคือต้องมีความรู้ในพระที่ตนสนใจแบบให้รู้แจ้งเห็นจริง ถ้าไม่รู้ก็ต้องสอบถามจากผู้รู้ หรือครูที่เราเคารพนับถือที่รู้จริง  หรืออาจจะสอบถามเอากับบรรดาเซียนพระทั้งหลาย และที่สำคัญจะสอบถามใครก็สอบแบบผู้ใฝ่รู้ มิใช่สอบถามแบบผู้อวดรู้

10.ต้องมีเงินตระเตรียมเอาไว้พอสมควร

แน่นอนเหลือเกิน...เงินเป็นสิ่งที่สำคัญไม่อาจมองข้ามได้ หากอยากเป็นนักสะสมพระเครื่องก็ต้องมีเงินพอสมควรด้วย แต่ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นรวยแล้วค่อยมาเล่นพระเพราะพระเครื่องก็มีหลากหลายระดับมีให้เลือกหลายราคา หากรอให้รวยเสียก่อนบางทีเมื่อถึงเวลานั้นมันอาจจะสายเกินไปแล้วสำหรับโอกาสที่จะได้พระเครื่องดีๆ

11.กล้าตัดสินใจ 

นั่นก็คือเมื่อรู้ว่าพระเครื่องนั้นแท้แล้วก็จะต้องรู้จักประมาณการว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม สมควรที่จะเช่าในราคานี้แล้วหรือยัง ความลังเลบางทีก็ทำให้เราพลาดโอกาสได้พระเครื่องดีที่อยู่ในกำมือของตัวเองแท้ๆ ได้เหมือนกัน

12. มีบุญกับพระเครื่องนั้น  

บางครั้งเราก็ได้พระดีๆโดยไม่ได้ตั้งใจ ได้มาให้แบบไม่รู้ตัว นั่นแหละเขาเรียกว่ามีบุญญาบารมีต่อกัน อันนี้เป็นเรื่องที่แข่งกันไม่ได้อย่างที่โบราณเขาว่าแข่งเรือแข่งพายยังจะพอแข่งกันได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนานั้นมันแข่งกันไม่ได้ ดังนั้นนักเล่นพระที่ดีเมื่อมีโอกาสควรจะสวดมนต์ไหว้พระ และหมั่นทำบุญทำทานอยู่เสมอ แล้วบุญจะหนุนนำคนทำดีให้ได้พระดีๆ เอาไว้ครอบครองเอง

13.ไม่เที่ยวไปตำหนิติเตียน หรือไปวิพากษ์วิจารณ์พระเครื่องของผู้อื่นจนเสียหาย 

เพราะนั่นถือได้ว่าเป็นการเสียมารยาทเป็นอย่างมาก แล้วยิ่งถ้าพระองค์นั้นเป็นพระแท้แล้วไปว่าตำหนิว่าเป็นของเก๊ อันนี้ก็จะเป็นการสร้างศัตรูให้กับเราโดยใช่เหตุ หากดูแล้วไม่ชอบก็ควรจะหลีกเลี่ยงไปเสียหรือถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรจะใช้คำว่า “ไม่ค่อยถนัดพระสายนี้”

14.  อ่อนน้อมถ่อมตนไม่คุยโวโอ้อวดหรือดูถูกผู้อื่น 

การเป็นเซียนพระที่สุภาพก็จะไม่ไปสร้างความหมั่นไส้ หรือไปรบกวนอวัยวะเบื้องต่ำของผู้ใด เราก็อยู่ของเรา ทำมาหากินของตนไปอย่างสุจริตด้วยความสบายใจจะดีกว่า

15.ก่อนหยิบพระต้องขออนุญาตเจ้าของพระก่อนที่จะส่องพระเครื่องของเขา 

การดูพระของคนอื่นโดยไม่ขออนุญาตถือว่าเป็นการไม่สุภาพอย่างยิ่ง หากจะขอดูพระของผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นพระที่เก็บเอาไว้นากล่องหรืออยู่บนคอ เราควรรอให้เจ้าของเป็นผู้หยิบออกมาส่งให้ ยิ่งไปกว่านั้นพระที่ใส่ในตลับหากเราต้องการจะถอดออกมา เรายิ่งควรจะขออนุญาต หรือให้เจ้าของพระเป็นผู้ถอดออกมาให้เราดูจะเป็นการดีที่สุด และที่สำคัญที่สุดนั้นก็คือไม่ว่าเราจะรู้สึกอย่างไรก็ตามหลังจากดูพระเสร็จแล้วควรจะเอ่ยปาก “ขอบคุณ” แล้วจึงส่งพระคืนให้กับเจ้าของโดยตรง ไม่ควรยื่นให้กับผู้อื่นที่ไม่ใช่เจ้าของพระ

16.ควรระมัดระวังในการถือพระขณะส่องพระของผู้อื่น 

หากเราดูพระผู้อื่นด้วยความระมัดระวัง เจ้าของพระที่ให้เราดูก็จะเกิดความสบายใจ ในการจับองค์พระให้จับด้วยมือซ้ายขององค์พระและใช้นิ้วชี้จับทางด้านขอบบนขององค์พระใช้อุ้งมือเป็นที่รองรับ หากพระเครื่องติดอยู่กับสร้อยคอก็ให้นำสายสร้อยพันที่นิ้วเพื่อป้องกันพระหลุดมืออีกชั้นหนึ่ง อย่างไรก็ตามไม่ควรจับพระพลิกไปพลิกมาจนเกินเหตุ ค่อยๆดูของเขาเพราะพระไม่ใช่ของเรา

17. ไม่ควรแย่งดูพระในขณะที่ผู้อื่นกำลังดูอยู่ 

การที่จะเข้าไปแย่งพระที่ผู้อื่นกำลังส่องพิจารณาเป็นการเสียมารยาทอย่างมาก ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง บางครั้งอาจทำให้พระเครื่องหลุดจากมือได้..แล้วทีนี้ใครล่ะจะรับผิดชอบ

18. เมื่อดูพระของผู้อื่นแล้วพบว่าแท้ต้องรู้จักชมเชย 

เมื่อชมเชยแล้วก็ควรกล่าวขอบคุณและชมเชยน้ำใจเพื่อให้เจ้าของพระเกิดความภาคภูมิใจ ข้อนี้เป็นมารยาทที่ดี และจะสร้างให้มีมิตรไมตรีที่ดีต่อกันตลอดไป

19.ไม่ควรขูดขีดพระเครื่องเพื่อดูเนื้อในของพระ 

การทำอย่างนี้เป็นการเสียมารยาทมาก แหม...เขาให้ส่องดูก็ดีแล้วยังไปทำให้พระของเขาเป็นตำหนิอีก บางท่านชอบนำพระเครื่องที่ดูอยู่ไปขัดถูเข้ากับความมันบนใบหน้าเพื่อจะดูว่าพระองค์นั้นจะมีความหนึกนุ่มมันวาวขนาดไหน พฤติกรรมเยี่ยงนี้เป็นที่น่ารังเกียจ อย่ากระทำโดยเด็ดขาด

20. นักสะสมหน้าใหม่ควรมีความรู้เบื้องต้นในการทำความสะอาดพระเครื่อง  

ไม่ควรทำความสะอาดจนเสียเนื้อพระควรทำความสะอาดพระเครื่องแต่พอควรโดยควรใช้วิธีที่อ่อนโยนด้วยการใช้น้ำอุ่นๆ ล้างแล้วใช้สำลีเช็ด ไม่ควรใช้วัสดุที่กัดเนื้อพระให้เสียหาย หากเป็นเหรียญเนื้อโลหะอาจจะใช้เครื่องดื่มชูกำลังล้างความสกปรกออกจากเหรียญได้ แต่อย่าแช่ทิ้งไว้นานเกินไปเพราะเหรียญจะสึกกร่อนได้ แช่ไว้สัก 5นาทีก็พอแล้ว ต่อไปก็ล้างน้ำสะอาดพร้อมซับให้แห้ง

ท้ายนี้ก็หวังว่า ข้อแนะนำที่รวบรวมมาจากคำสอนของรุ่นใหญ่ ที่แนะนำสอนสั่งกันต่อๆ มาเท่าที่รวบรวมได้ประมาณนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อนักสะสมพระเครื่องมือใหม่ ที่กำลังไต่เต้าขึ้นเป็นมืออาชีพ ได้นำไปศึกษาถือปฏิบัติเพื่อให้อยู่ในวงการได้อย่างราบรื่น และประสบความสำเร็จดั่งตั้งใจ ก็ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในวงการพระเครื่องเจริญรุ่งเรืองสืบต่อไปครับ